รถกับข้าว
ตอนเด็กๆ ชอบรถไอติมวอลล์มาก เสียงตื้อดื้อดื่อดังมาก็วิ่งละ มีความสุขกับยักษ์คู่ราคาถูกหารกันกินกับเพื่อนบ้าน
คนแถวนั้นก็คงจะรู้เหมือนกันว่าหมู่บ้านนี้บริโภคไอติมกันเก่ง เลยเริ่มมีเจ้าอื่นเข้ามาแย่งชิงตลาด ไอติมถังเอย ไอติมหลอดเอย (ยี้ห้อท้องถิ่น ไอติมป่าตัน)
เราก็มีโอกาสได้ลองของใหม่บ้าง … แต่ไม่นานก็โดนที่บ้านดุ บอกว่าลุงคนขายไม่สะอาด บิดมอไซค์ลุยลมลุยฝุ่นมาแล้วก็เอามือนั้นตักไอติมให้เราต่อ
ด้วยความที่เป็นเด็กว่านอนสอนง่าย (เหรอ?) เลยเชื่อฟังและไม่ซื้อของจากลุงเจ้าที่ต้องตักไอติม เลือกซื้อเฉพาะอันที่มีห่อมิดชิดแลดูสะอาดสะอ้าน
แต่โลกคงไม่คิดเหมือนเรา อาจเป็นเพราะรสชาติที่ดีกว่า ราคาที่ถูกกว่า หรือเพราะว่าลุงไอติมถังแวะมาบ่อยกว่า เลยทำให้รถไอติมวอลล์ไม่ค่อยโผล่มาที่หมู่บ้านเราอีกต่อไป
ไม่นานนักเราก็เริ่มเรียนรู้ที่จะเมินเฉยต่อรถไอติม บอกกับตัวเองว่ารถพวกนี้วิ่งตากแดกตากฝนมาสินค้าคงไม่สะอาดเท่าไหร่ ซึ่งก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรมากเพราะสุดท้ายเราก็ย้ายออกจากชุมชนกลางเมือง ไปอยู่ชานเมืองที่สงบเงียบ
จนเมื่อไม่กี่ปีก่อนที่ย้ายเข้ามาเรียนต่อในกรุงเทพ ก็พบกับ culture shock รถขายกับข้าวติดลำโพง จากที่เคยงงๆ ว่าทำไมรายการข่าวตอนเช้าถึงมีอินโทรว่า “กับข้าวมาแล้วครับกับข้าว” พอเจอเองกับตัวนี่ซึ้งใจเลย
แรกๆ ก็ไม่ชอบนะ คนจะหลับจะนอนมาเปิดลำโพงส่งเสียงกวนอะไรแต่เช้าตรู่ บวกกับความคิดฝังหัวว่ารถขายของพวกนี้ไม่ค่อยสะอาดด้วย … น่าจะเรียกได้ว่าเข้าขั้นเกลียดเลยหละ
อยู่ไปเรื่อยๆ ความเกลียดเริ่มจางลง พยายามทำความเข้าใจว่าเค้าก็แค่ทำมาหากิน ใจจริงไม่ได้อยากจะรบกวนใครหรอก คนแถวนี้ก็น่าจะชอบบริการนี้ไม่เบา เค้าเลยยังแวะเวียนมาขายได้เรื่อยๆ
ในเมื่อแก้ที่เค้าไม่ได้ ก็เปลี่ยนมานอนปิดหน้าต่างเปิดแอร์แทนบ้าง ปิดผ้าม่านหนาๆ กันเสียงบ้าง … นานเข้าสมองเริ่มละเลยเสียงพวกนี้ คงจะกรณีเดียวกับเสียงฝนตกหละมั้ง
จนเมื่อเช้านี้ที่กลับมาได้ยินเสียงรถขายอาหารอีกครั้ง (สงสัยเพราะเบื่ออาหารแถวหอแล้ว) เลยคิดว่าน่าจะลองเปิดใจใช้บริการซักหน่อย
นั่งรอใต้หออยู่สิบนาที ได้ยินเสียงประกาศวนไปวนมาแต่ไม่เห็นตัวรถ สุดท้ายตัดใจเข้าร้านสะดวกซื้อหาขนมกลับขึ้นห้อง
เพื่อมาเห็นว่ารถขายกับข้าวนั้นอยู่ซอยถัดไป
Originally published on: Facebook
author