เก็บตกงานโกะวันสุดท้าย
ไดอารีเค้ามีแต่เขียนกันในวันนั้นๆ ไอ่นี่เป็นไงไม่รู้อยากเขียนไดเก่าเมื่อสอง-สามสัปดาห์ที่แล้วซะได้ เหตุก็เพราะมันเป็นเหตุการณ์ที่ยากจะลืม และจะยากยิ่งกว่าถ้าจะพยายามทำใจให้ลืมมันลงให้ได้ อาจเรียกได้ว่าเป็น turn point ในชีวิตครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่งในชีวิตเลยก็ว่าได้
เรื่องมันมีอยู่ว่า เราได้รับหน้าที่เป็นกรรมก(า)รในงานแข่ง U-Go ครั้งที่ 15
 งานที่ได้รับมอบหมายคือ จัดโต๊ะ ยกของ ไม่ใช้สมอง ใช้แต่แรง อะม่ายช่ายยย
 หน้าที่จริงๆ คือ การเป็นผู้ช่วยกรรมการคอยอำนวยความสะดวกแก่การแข่งขัน
 ซึ่งได้แก่การปักธงจับคู่ นับหมากเบียวโยมิ และส่งผลคะแนนการแข่งขัน
 ส่วนพวกงานใช้แรงนั้น เพราะคนไม่พอเลยต้องลงมือช่วยอย่างเต็มใจ 555+
ทั้งนี้ หน้าที่ของเรานั้น ไม่ได้รวบรวมไปถึงการนับคะแนนตอนจบเกมให้นักกีฬาเลย
 เนื่องมาจากว่า ทาง CP ส่งนักหมากล้อมจากกรุงเทพมาทำหน้าที่นับแต้มให้โดยเฉพาะ
 ส่วนนักศึกษาที่ฝีมือไม่ถึงดั้งอย่างเราๆ นั้น ก็ไม่ควรไปยุ่งกับเรื่องละเอียดอ่อนอย่างการนับแต้มเลย
แต่ด้วยกรรมการส่วนกลางมีไม่พอ ทำให้เมื่อเล่นเสร็จพร้อมๆ กันหลายกระดานก็นับคะแนนไม่ทัน
 บวกกับเราก็เล่นหมากล้อมมาค่อนข้างนาน (แต่ยังไม่ขึ้นดั้ง) จึงต้องไปช่วยนับแต้มอย่างเลี่ยงไม่ได้
ซึ่งจากประสบการณ์ขำๆ ของเรา เมื่อครั้งยังเยาว์นั้นเราได้เข้าแข่งหมากล้อมอยู่ครั้งนึง
 ตอนนั้นเล่นหมากล้อมมาได้ไม่ถึงปีดีนัก แต่ก็พัฒนาเทคนิคนับแต้มระหว่างกำลังเล่นได้สำเร็จ
 กระดานที่แข่งนั้นเป็นกระดานที่มันส์สุดกระดานหนึ่งเลย ก่อนเล่นจบนับแต้มในใจว่าชนะ 2.5 แต้ม
 แต่ทำไมก็ไม่รู้กรรมการนับแล้วเราแพ้ 0.5 แต้มซะได้! ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องซีเรียสมากๆ เลย
 ถ้าหากว่าช่วงนั้นไม่เห่อกล้องดิจิตัลที่พึ่งเริ่มเข้ามาในไทย (ความละเอียด 2Mp ราคาตั้งสองหมื่น!)
 ก่อนหน้าที่กรรมการจะนับ เราจึงถ่ายรูปกระดานที่เล่นไว้เสร็จสรรพ ยังมีภาพเหลือมาให้เห็นเลย อิอิ
 กระดานนั้นเราจึงชนะมาได้อย่างใสสะอาด (ถ้าแพ้นี่จะเคืองมากเลยหละ)
เล่นเป็นดำ ชนะ 2.5 แต้ม (โดนขาวจับกินไป 3 เม็ดนะ)
จากประสบการณ์ครั้งนั้น ทำให้เราสาบานว่าจะไม่มีวันนับแต้มหมากล้อมผิดเป็นอันขาด
 เล่านอกเรื่องไปซะเยอะละ กลับมาเข้าเรื่องอันสนุกสนานครั้งนี้ดีกว่า
เรื่องก็คือในการแข่งขันรอบสุดท้ายนั้น หลายกระดานอยู่ในสงครามอันแสนระอุดุเดือดจนต้องเบียวโยมิกัน
 นักศึกษาช่วยงานจึงต้องนั่งเฝ้าเบียวโยมิกันเมื่อยเลย ส่วนกรรมการจริงๆ ก็ไล่ตระเวณนับคะแนนกระดานที่จบลง
 แล้วน้องคนหนึ่งก็บอกให้เราไปเบียวโยมิกระดานที่คนไทยเจอสิงคโปร์แทน เพราะกระดานนั้นใกล้จะจบเต็มทีแล้ว
พอเราเดินไปถึงโต๊ะนั้น ทางฝั่งสิงคโปร์ก็หมากหมดพอดี เราจึงยกเอาหมาก 15 เม็ดไปเสริมให้เค้า
 ด้วยการกวาดสายตาดูในเสี้ยววินาทีนั้น กระดานนี้ไม่มีที่เหลือให้เล่นแล้วนอกจากปิดชายแดนและนับแต้ม
 (แต่เราอาจจะผิดก็ได้ มากไปกว่านั้น เราอาจอยากให้เราคิดผิดจริงๆ และหวังให้มันมีที่เหลือให้เล่นอีก)
 เรายังไม่ทันส่งเม็ดหมากให้ถึงมือของผู้เล่นสิงคโปร์ดี เม็ดหมากเม็ดหนึ่งก็โดนหยิบออกจากฝาหมากที่เรากำลังส่งไปให้
 แล้ววางถมลงไปยังจุดชายแดนอย่างรวดเร็วด้วยมือของผู้ชมชาวสิงคโปร์คนหนึ่ง
 ตอนนั้นไม่ทันคิดอะไรจริงๆ เพราะย่อหน้านี้เกิดขึ้นอย่างเร็วมากจนเราไม่เอะใจซักนิดเดียว
 ฝั่งไทยเห็นดังนั้นจึงถมชายแดนด้วย และเราก็เป็นคนถมชายแดนอีกแรงจนไม่เหลือ
เชลยถูกหยิบออก พื้นที่ถูกจัดสรร ดินแดนถูกแบ่งบัน แต้มห่างกันครึ่งแต้ม!!! ฝ่ายไทยชนะ
 แล้วความซวย(?) ก็มาเยือน เมื่อผู้เล่นสิงคโปร์ที่นั่งนิ่งเงียบมานานเริ่มบ่นอะไรก็ไม่รู้ออกมา
 เราสาบานได้ว่าเราไม่นับแต้มผิดแน่นอน แต่ด้วยความที่สิงคโปร์นายนี้พูดได้แต่จีนซะงั้น ทำให้เราสื่อสารกันไม่รู้เรื่องเลย
 ก็เดือดร้อนไปถึงกรรมการผู้ใหญ่ที่จัดงานแข่งครั้งนี้ เค้าเข้ามาสืบว่าการนับคะแนนนี้เกิดอะไรขึ้น!!!
กระดานเจ้าปัญหา – ภาพจากสมาคมหมากล้อมไทย
ตรงนี้เริ่มใจแป้วละ เพราะเราเป็นคนนับคะแนนทั้งหมด ถึงเราจะยืนยันว่าเรานับไม่ผิดแน่นอน แต่ใครจะเชื่อเรามั่ง ดั้งก็ไม่มี
 แต่ก็ชื้นใจขึ้นมากเพราะหลังจากที่เราเล่าเหตุการณ์ว่าผู้ชมทางสิงคโปร์นั้นเป็นฝ่ายช่วยวางหมากเสร็จ ฝ่ายโน้นจึงถูกซักแทน
 ถึงตรงนี้สื่อสารกันไม่รู้เรื่องจนต้องเชิญเหล่าชือมาช่วยแปลและดูรูปเกม
 ทำให้เข้าใจว่าผู้เล่นสิงคโปร์รู้ตัวว่าตามอยู่ครึ่งแต้มและยังไม่ได้บอกจบเกม เพราะคิดพลิกกระดานกลับมาชนะได้ด้วยเซกิที่มุม
 ตรงนี้มันสุดวิสัยจะช่วยอะไรได้แล้วจริงๆ เพราะมันขึ้นอยู่กับวิธีอ่านหมากของผู้แข่งเพียงสองคนเท่านั้น ไม่มีใครยุ่งได้
 แต่เพราะว่าจัดรูปนับคะแนนไปเรียบร้อยแล้ว จึงทำให้ไม่สามารถเรียกคืนกระดานมาเพื่อถกปัญหากันได้
เหล่าชือเลยให้เรียงรูปที่มุมให้ดู เมื่อเห็นแล้วเหล่าชือก็บอกว่าไม่ควรมีปัญหาแล้วหละ
 ฝั่งสิงคโปร์เลยยอมรับความพ่ายแพ้ไปโดยสวัสดิภาพ
เริ่งก็น่าจะจบแล้ว แต่พอเอามาคิดเองก็รู้สึกแหม่งๆ อยู่นะ
- ทำไมถ้าเล่นไม่จบ ถึงไม่โวยตั้งแต่ตอนที่เริ่มมีการถมตั้งแต่เม็ดแรกๆ หละฟระ!!!
 - สิงคโปร์ไม่รู้มารยาทเลยเหรอว่าเป็นตายร้ายดียังไงก็ห้ามวางหมากแทนผู้เล่นเด็ดขาด จะทำให้ถูกปรับแพ้ทันทีด้วย
 - ถึงแม้ว่าจะโดนนับแต้มเสร็จ (โดยไม่โวยวายเรียกร้องสิทธิแต่แรก) เมื่อรู้ว่าแพ้ทำไมไม่ยอมรับ กลับโวยวายในลักษณะตัดพ้อว่าถ้าทำอย่างนั้นแล้วอาจจะพลิกชนะซะได้ มันดูเหมือนไม่รู้จักน้ำใจนักกีฬาเลยนะ
 
ก็บ่นๆ เพียงเท่านี้แหละ พอละดีกว่า ไว้นานๆ ครั้งรอตกผลึกแล้วค่อยเก็บมาคิดใหม่ยังไม่สาย
 สุดท้ายก็สนุกดีนะ งานครั้งนี้ ^–^
 author
 
