ยังไม่ดีพอ
เมื่อครั้งยังเป็นเด็กหัวเกรียน ตอนนั้นติดเกมรถแข่งมาก เล่นมันกับเพื่อนจนเกือบลืมอ่านหนังสือสอบไปเลย
ทั้งที่จริงมันก็ไม่น่าบานปลายอะไรได้ขนาดนั้น เพราะตอนเริ่มเล่นกันก็แค่ขำๆ แค่อยากเอาชนะภารกิจต่างๆ ในเกมไปเรื่อยๆ เพื่อจะได้แต่งรถสวยๆ แบบที่ตัวเองชอบ เท่านั้นเอง
แต่ทีนี้ด่านหลังๆ เกมมันยากเริ่มเล่นคนเดียวมันก็ไม่ไหว บางด่านเราก็แพ้ทางเช่นด่านยาวๆ ที่ต้องมีสมาธิตลอดทั้งด่าน บางด่านเพื่อนก็แพ้ทางเพราะด่านมันสั้นจนต้องพลิกแพลงสถานการณ์และฉวยโอกาส ก็ผลัดกันเล่นไปเพื่อให้สามารถเคลียร์เกมแบบ 100% ได้
จนถึงครั้งนึงที่เพื่อนเล่นได้ดีแบบผิดหูผิดตา (แต่ก็ยังไม่ดีเกินไปกว่าคะแนนสูงสุงที่ด่านนั้นตั้งเป้าไว้) ตอนนั้นก็ชมเพื่อนไปว่า “เอ่อ เมิงเก่งมาก” พร้อมตบบ่าไปสองสามแปะ
แล้วก็มานึกได้ว่าเพื่อนเคยเป็นนักกีฬาตัวแทนจังหวัด เลยลองถามดูว่า “เอ่อ ถ้าเป็นโค้ชกีฬาเมิง เค้าจะชมแบบนี้มั้ยวะ?”
คุณเพื่อนก็ตอบมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย “โค้ชเค้าไม่ชมหรอกแม้ว่าเมิงจะทำได้ดีแค่ไหน เพราะเค้าต้องการผลักดันให้เมิงก้าวไปสู่เป้าหมายที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ”
เพียงเท่านั้นก็บรรลุเลย
ผลพวงจากการพูดคุยครั้งนี้ คือเราสลับกันเล่นเกม (เพราะมีเครื่องเกมแค่เครื่องเดียว) เพื่อสร้างสถิติใหม่แข่งกันเรื่อยๆ ใครสร้างสถิติใหม่ได้แล้วก็ไปพักอ่านหนังสือได้ ส่วนคนที่โดนทำลายสถิติไปนั้นแม้จะเลือกไม่เล่นเกมก็ได้ แต่ความอยากเอาชนะมันก็ติดอยู่ในหัวจนต้องลองพยายามโค่นคะแนนอีกฝ่ายลงให้ได้อยู่เรื่อยไป
รู้ตัวอีกที (นอกจากเรื่องอ่านหนังสือไม่ทัน) ก็พบว่าฝีมือการเล่นเกมของเราทั้งคู่นั้นพัฒนามาไกล จนเรามองย้อนกลับไปก็ไม่เห็นภาพคาดหวังเมื่อเริ่มต้นเล่นเกมนั้นแล้ว
แน่นอนว่าชีวิตที่ท่องคำว่า “ยังไม่ดีพอ” ย่อมทำให้เราเหนื่อยล้า แต่จุดหมายปลายทาง (ถ้าหากว่ามี) มันก็คงสวยงามล้ำค่าน่าค้นหาไม่น้อยเลยทีเดียว
(ด้วยเหตุนี้หละมั้ง เราถึงได้ชอบ Whiplash มากเป็นพิเศษ แม้ว่ามันจะดูโรคจิตซาดิสม์ใช้ความรุนแรงก็ตามที)
author