ไข่ย้อย ดากานดา
ภาคต่อของ “กล่องไปรษณีย์สีแดง” ใช้เทคนิคการเล่าเรื่องที่แตกต่างจากภาคต้นอย่างสิ้นเชิง ด้วยการมองเหตุการณ์ต่างๆ ผ่านมุมมองของตัวละครหลักหลายๆ ตัว ไม่ใช่แค่ตัวเอกตัวเดียวคือ “ไข่ย้อย” อีกต่อไป
ซึ่งการจะทำเช่นนี้ได้ดีนั้น ถ้าไม่ใช่การร่วมมือกันของนักเขียนหลายๆ คน ก็คงต้องเป็นว่าคนเขียนคนนั้นคงเป็นคนหลายบุคลิกแน่ๆ
เพราะทุกอย่างที่อยู่ในหัวของตัวละครแต่ละตัว มันแทบไม่ได้มีความแตกต่างกันเลยแม้แต่น้อย ในแง่ทัศนคติการมองโลก ปรัชญาชีวิต
พูดอีกอย่างคือในภาคต่อนี้ เราไม่สามารถเชื่อได้ว่าคำพูดต่างๆ เหล่านั้นจะออกมาจากปากตัวละครทั้งหลายจริง แต่เปรียบเหมือนว่าเรากำลังมองนักเขียนแยกร่างมาคุยกับตัวเองเท่านั้น
ประเด็นอื่นๆ ที่น่าหงุดหงิดไม่น้อยไปกว่ากัน ก็คือความพยายามในการ “โชว์ออฟ” ของนักเขียน ด้วยการแนะนำนิยายอมตะ, เพลงคลาสสิก, เสื้อผ้าแบรนด์เนม, ไวน์, ไปจนกระทั่งกลิ่นน้ำหอม ทุกอย่างถาโถมเข้ามาอย่างรวดเร็วและมากมายจนล้น สำคัญสุดคือสิ่งต่างๆ ที่ถูกกล่าวมานี้ ถูกแทรกเข้ามาแบบ “ไม่เนียน” ไปกับเนื้อเรื่องซักเท่าไหร่ ทำให้แทนที่จะเย้ายวนให้ผู้อ่านอยากเข้าใจในสิ่งเหล่านั้น ก็กลายเป็นว่าปล่อยผ่านไปไม่แม้แต่จะจำชื่อก็ได้
แต่นั่นก็ยังไม่เท่ากับส่วนที่แย่ที่สุด ที่ผู้เขียนพยายามหาทางลงให้กับตัวเอกทั้งสอง เหมือนตั้งเป้าไว้แล้วว่าอยากให้ตอนจบเป็นอย่างไร แล้วค่อยเลือกตัวละครอื่นๆ มาสมทบบทบาทเพื่อให้การเดินทางไปยังจุดหมายนั้นลุล่วง แทนที่จะเป็นการตามติดชีวิตของตัวละคร และยอมรับในผลที่เกิดขึ้น ไม่ว่าตัวละครเหล่านั้นจะตัดสินใจผิดหรือถูก เฉกเช่นเดียวกับเราทุกคน
ให้สามดาวเพราะชอบเล่มก่อนมากๆ
คัต! ละครรักจบแล้วหวะเพื่อน มา กูจะบอกอะไรให้ มึงแม่งไม่ได้รักดากานดาจริงหรอก มึงรักภาพสีน้ำมันของมึงมากกว่า มึงแค่เลี้ยงความรักไม่สมหวัง ความเศร้ารวดร้าวที่มีต่อดากานดา ไว้เป็นเชื้อไฟเวลาสร้างงานศิลปะ นี่ไงความช้ำชอกมาแล้ว สุดแสนจะเจ็บปวด มึงเสพติดมัน ความอ้างว้าง ความโดดเดี่ยว
อภิชาติ เพชรลีลา
Originally published on: Goodreads
author